• เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กันมีพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ นักการตลาดมืออาชีพสามารถบอกได้ว่าเมื่อไรสินค้าควรวางตลาด วิศวกรจะบอกเราว่าเมื่อใดควรเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นไหนของรถ ชาวไร่ชาวนาจะรู้ว่าพวกเขาควรหว่านเมล็ดพืชและเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาใดของปี แมสเซนเจอร์ในกรุงเทพฯ รู้ว่าพวกเขาไม่ควรจะเข้าไปในถนนเส้นใดในช่วงเวลาหลังเลิกงาน และนักลงทุนอาชีพจะทราบว่าช่วงเวลาใดหุ้นตัวใหนไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือควรซื้อเก็บไว้ ตัวอย่างที่ยกมาเหล่านี้เป็นหนึ่งในพันล้านสิ่งของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กันในโลก (รวมถึงจักรวาล) มันทำให้ชีวิตก่อเกิด ขยายเผ่าพันธุ์และดำรงอยู่ได้ ลองคิดดูเล่นๆ ว่ามันจะปั่นป่วนแค่ไหนถ้าพรุ่งนี้เช้าพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าตอน 12.00 นาฬิกา หรืออยู่ดีๆ น้ำประปาที่เคยไหลให้เราล้างหน้าแปลงฟัน ซักผ้าทำกับข้าวทุกวันๆ เกิดหยุดไหลไปดื้อๆ ถ้าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆ กันเกิดสะดุดขึ้นมาหรือเกิดการหักเหโดยไม่กลับมาที่เดิมแม้เพียงองศาเดียว ความโกลาหลปั่นป่วนจะเกิดขึ้นทั้งระบบ


  • จากคำโปรยก่อนหน้าเราจะแยกเป็น 2 ประเด็นคือ เหตุการณ์ที่เกิดซ้ำๆ กัน (ระบบ) และ การหักเหของระบบ 


  • มาว่ากันเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำๆ กันก่อนครับ สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อให้เห็นภาพก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดซ้ำๆ กันทำให้เราคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ (ดั่งที่ยกตัวอย่างไปก่อนหน้า) ในการวิเคราะห์ราคาหลักทรัพย์ทางเทคนิคก็เช่นกันครับ เราต้องมองหาสิ่งที่เกิดซ้ำๆ กันในรูปแบบของราคา (Pattern) ดูย้อนหลังไปหลายๆ ปี มองหาว่าถ้ารูปแบบราคามันทำอย่างนี้ๆ ต่อไปมันจะขึ้นหรือลง? มีเป้าหมายเท่าไร? แล้วจดบันทึกเอาไว้ ยิ่งมีตัวอย่างมากเท่าไรยิ่งดี (คำแนะนำคือควรมีอย่างน้อย 1,000 ตัวอย่างในแต่ละ Pattern) เรียกว่าระบบการวิเคราะห์ราคา ผมแนะนำให้ตั้งต้นที่การเรียนรู้ Chart Pattern แอดว้านขึ้นมาหน่อยก็ Elliott Wave พอเก่งแล้วก็สร้าง Pattern ของตัวเองขึ้นมาเอาไว้ใช้งานส่วนตัว ... จะทำให้เรามองเห็นอนาคตของราคาหุ้นในระยะสั้น กลาง ยาวได้


  • ประเด็นสำคัญต่อมาคือ การหักเหของระบบ ซึ่งการหักเหจะมีอยู่ 2 แบบ แบบที่เราพบบ่อยๆ ก็คือหักเหแล้วกลับเข้ามาอยู่ในระบบอย่างเดิม ยกตัวอย่างเช่นน้ำประปาที่หยุดไหลเพราะระบบประปาขัดข้อง และกลับมาใช้งานได้ภายในเวลาไม่นาน อย่างนี้ก็มีผลกระทบแบบชั่วคราวเช่นเราอาจไปทำงานโดยไม่ได้อาบน้ำหรือไม่ได้ชงกาแฟดื่มเองที่บ้านแต่ก็แค่วันเดียว แต่สำหรับโรงงานที่ต้องใช้น้ำเป็นวัตถุดิบในการผลิต จะมองเห็นอนาคตความไม่เที่ยงของระบบล่วงหน้า เขาจะมีแผนสำรองเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ เช่นสร้างแทงค์เก็บน้ำขนาดใหญ่...แบบที่ 2 ระบบที่ล่มสลาย คือระบบที่พังแล้วพังเลยไม่สามารถจะกลับมาเกิดซ้ำได้อีก ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมากครับ ซึ่งในชั่วชีวิตของคนๆ หนึ่งอาจจะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยก็ได้ ... ระบบการวิเคราะห์ราคาก็เช่นกันครับ ไม่มีระบบใดในโลกที่ไม่เกิดการหักเห ความสมบูรณ์แบบของระบบจึงไม่ใช่คำว่า 100% แต่ความสมบูรณ์แบบของระบบคือการรู้ว่าระบบที่เราใช้อยู่นั้นมีค่าความคลาดเคลื่อนหรือหักเหเท่าไร เช่นระบบ A มีสัดส่วน Take Profit / Loss เป็น 50/50 และสัดส่วนนี้ก็ค่อนข้างแน่นอนเพราะเราได้ทำการตรวจสอบตัวอย่างย้อนหลังมาแล้วอย่างน้อย 1,000 ตัวอย่าง และทดลองระบบแบบ Realtime แล้วจำนวนหนึ่ง ผมถือว่าระบบ A 50/50 นี้เป็นระบบที่สมบูรณ์ครับ ถ้าใช้ระบบ A ในการลงทุนก็มีกำไรแน่นอน (Take Profit ครั้งละ 2 หน่วย - Loss ครั้งล่ะ 1 หน่วย)

จงมองหาสิ่งที่เกิดซ้ำๆ กัน แล้วเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบ เราก็จะพบความสุขและความสำเร็จจากการลงทุน...ใครๆ ก็เป็นนักลงทุนได้ถ้ารู้วิธี....