อีกาตัวหนึ่งเจอขวดที่มีน้ำอยู่เต็ม ด้วยความกระหายมันจึงใช้ปากจุ่มลงไปดูดน้ำ แต่ดูดได้นิดเดียวน้ำก็พร่องลงไป มันจึงไปคาบก้อนหินทิ้งลงในขวดเพื่อให้ระดับน้ำสูงขึ้น บริเวณนั้นมีก้อนหินไม่มากมันจึงบินไกลออกไปจนพบก้อนหินจำนวนมากบริเวณลำธารแห่งหนึ่ง มันบินเทียวไปเทียวกลับหลายรอบเพื่อคาบก้อนหินกลับมาทิ้งลงขวด จนมันเหนื่อยล้าตามรูป ฉับพลันมันก็คิดขึ้นได้ว่า ทำไมฉันไม่ดื่มน้ำจากลำธารละ ปัดโธ่ !!!???
ถือว่าเป็นเรื่องเล่าจังหวะทึ่งโป๊ะมากครับ ใครจะมองว่าเป็นเรื่องเล่าฮา ๆ แล้วจบไปแค่นั้นก็ได้ แต่ในฐานะคนที่เชื่อว่า "ล้วนมีเบื้องหลังทุกการปรากฏ" บวกกับรู้มาว่าคนญี่ปุ่นมักใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาจะไม่ทำอะไรอย่างไม่มีเหตุผล ผมขอเล่ามุมมองส่วนตัวที่ได้จากเรื่องเล่าของอีกาตัวนี้ครับ
ข้อคิดแรก
ต้องยอมรับว่าวิธีแก้ปัญหาของอีกานั้นฉลาดมาก ถือว่าเป็นความรู้เชิงวิศวกรรมเลยแหละ มีความรู้ทางฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ความโน้มถ่วง ความหนาแน่นของสสาร ปริมาณ ปริมาตรและการแทนที่ , แต่ทุกท่านเชื่อไหมครับการแก้ปัญหาในชีวิตจริงเราจำเป็นต้องมองอะไรที่มากกว่าความรู้ในตำรา ผมอยากบอกว่าการมีความรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ แต่ก็ต้องคอยระวังอย่าให้ความรู้ที่เรามีเป็นกำแพงปิดกั้นมุมมองและความเป็นไปได้ที่หลากหลายอื่น ๆ การใช้ความรู้สำคัญพอ ๆ กับการมีความรู้เราต้องไม่ลืมเรื่องนี้
ข้อคิดที่สอง
มุมมองที่สองนี่ค่อนข้างแตกต่างจนถึงขั้นหักล้างมุมมองแรกเลยครับ ... ในกระบวนการที่มีระเบียบปฏิบัติหรือ Protocol ที่เป็นขั้นตอนชัดเจนนั้น เราต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด เพราะขั้นตอนนั้นผ่านการศึกษาทดลองและเก็บข้อมูล Back Test/Forward Test มาอย่างดีแล้ว หากเราไม่ปฏิบัติตามมันอาจให้ผลดีในระยะสั้นก็จริง แต่มันจะสร้างผลกระทบที่เลวร้ายมหาศาลในอนาคตอย่างแน่นอน , สมมติว่าระเบียบปฏิบัติของอีกาตัวนี้คือห้ามดื่มน้ำจากลำธารเด็ดขาด ให้ดื่มได้เฉพาะในขวดเท่านั้น สิ่งที่มันทำถือว่าถูกต้องแล้ว (ถึงแม้มันจะตั้งคำถามกับตัวเองระหว่างการปฏิบัติก็ตาม) ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวเช่น ผมมักจะถูกแซวว่าขับรถหน่อมแหน่มบ้างช้าเป็นเต่าบ้าง เหตุผลเพราะ ผมจะต่อแถวไม่ว่าแถวจะยาวแค่ไหนโดยไม่ขับแทรกบริเวณคอสะพานเด็ดขาด ผมจะไม่เปลี่ยนเลนบริเวณเส้นทึบ ไม่กลับรถในที่ห้ามกลับ ไม่จอดในที่ห้ามจอด ไม่ย้อนศรถึงจะต้องยูเทิร์นเป็นสิบกิโล กฏจราจรเหล่านี้หากเราละเมิดบางครั้งมันให้ผลดีระยะสั้นเช่นประหยัดเวลาและส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นว่าตำรวจจะจับ ใคร ๆ ก็ทำกัน คุณจะทำก็ได้แต่ผมไม่ทำ ผมยอมเสียเวลาและเหนื่อยเพิ่มนิดหน่อยแบบอีกา เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบที่เลวร้ายขึ้นในอนาคต
... ถ้าจะเทียบกับการลงทุน การลงทุนต้องมีระบบที่ทำซ้ำได้ ระบบคือ Protocol ที่เราต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด การไม่ทำตามระบบอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะสั้น แต่เชื่อผมเถอะว่ามันจะสร้างความเสียหายมหาศาลในอนาคตอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่นเมื่อระบบบอกให้ Cutloss คุณต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไขถึงแม้จะคาใจเพียงใด คุณอาจจะบอกว่าคราวก่อนก็ไม่ Cut มันยังกลับมาบวกได้เลยคราวนี้ก็ไม่จำเป็นต้อง Cut หรอก แล้วบังเอิญว่าครั้งนี้ก็กลับมาบวกอีก มันยิ่งทำให้คุณมั่นใจว่าการ Cutloss ไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการลงทุน แต่เชื่อไหมครับหายนะมักมาจากความคิดที่เป็นจุดเล็ก ๆ พวกนี้แหละ , การ Take Profit ก็เช่นกันครับเมื่อระบบบอกให้ขายทำกำไรเราก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะรู้สึกเจ็บใจเพราะขายแล้วราคายังคงวิ่งต่อก็ตาม
สรุป
ประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาทำให้ผมไม่กล้าตัดสินการกระทำหรือความคิดของใครว่าผิดหรือถูกเลยครับ เพราะชีวิตจริงมันมีตัวแปรที่ควบคุมและกดดันเราเป็นจำนวนมาก บางคนอาจตั้งคำถามกับเราว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้หล่ะ เพราะเขาไม่เข้าใจตัวแปรและแรงกดดันที่เรากำลังเผชิญอยู่เขาจึงถามแบบนั้นครับ …ให้เรื่องของอีกาเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่สอนเราแล้วกันนะครับ
ปล. รูปนี้ถูกส่งต่อ ๆ กันมาจนผมไม่ทราบว่าใครคือเจ้าของที่แท้จริง หากท่านใดทราบโปรดแจ้งเพื่อที่ผมจะได้ให้เครดิตรูปครับ